ทำป๊อปคอร์นเอง เลือกแบบไหนไม่ทำให้อ้วน
ทำป๊อปคอร์นเอง คือหนึ่งในขนมเคี้ยวเพลินที่ผู้คนชื่นชอบ มีหลากหลายรสชาติให้เลือกรับประทาน พร้อมการเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของ Snack ที่มาพร้อมกับกิจกรรมสนุกสนานอย่างการชมภาพยนตร์ เพราะภายในโรงภาพยนตร์มักจะมีการขายป๊อปคอร์นที่มาพร้อมกับถังใส่ในรูปแบบต่างๆ เพื่อเป็นการดึงดูดผู้คนให้เลือกซื้อ แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าSnack ประเภทนี้ได้รับความนิยมสูงไม่ใช่แค่เรื่องแพ็คเกจเท่านั้น แต่คือเรื่องของรสชาติที่แม้จะไม่ได้ผสมกับรสชาติใดๆ เป็นรสชาติแท้ของป๊อปคอร์น ก็ยังคงให้ความอร่อยหอมมันที่เย้ายวนใจใครหลายๆ คนจนต้องติดใจไปอีกนานเลยทีเดียว
ป๊อปคอร์นและวัฒนธรรมป๊อปคอร์นคืออะไร
ป๊อปคอร์น คือ การนำเมล็ดข้าวโพดดิบมาอบในความร้อนเมื่อได้อุณหภูมิที่เหมาะสมเมล็ดข้าวโพดดิบจะแตกออกมาเป็นเมล็ดสีขาวที่มีลักษณะฟูนุ่มดูน่ารับประทานจึงถูกเรียกว่าป๊อปคอร์นที่ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์จากเมล็ดข้าวโพดที่มีคุณค่าทางสารอาหารและกลายมาเป็น Snack อร่อยที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันทำให้เกิดการเพาะพันธุ์เมล็ดข้าวโพดเพื่อการทำป๊อปคอร์นกันเป็นจำนวนมากเพราะจะมีสายพันธุ์ที่สามารถแตกออกเป็นป๊อปคอร์นแล้วให้การแตกฟูที่มีความสวยงามและรับประทานอร่อยเคี้ยวเพลินพร้อมให้รสชาติที่ออกมัน
โดยจะมี 3 ส่วนสำคัญของป๊อปคอร์นคือ Endosperm, ต้นอ่อน และผนังผลหรือที่ถูกเรียกว่าเปลือกหุ้มเมล็ดข้าวโพด ภายในจะมีความนุ่มแต่ภายนอกจะมีความแข็ง ก่อนการแตกออกเป็นป๊อปคอร์นจะมีลักษณะเป็นเมล็ดสีเหลืองและมีสีขาวด้านล่างอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนจึงรับประทานได้อย่างปลอดภัย สามารถให้พลังงานกับร่างกายของมนุษย์ได้นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของเซลลูโลสที่ปลอดภัยต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน
ต้นกำเนิดความเป็นมาของป๊อปคอร์น
ป๊อปคอร์นถือกำเนิดมาจากชนพื้นเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกาหรือชนพื้นเมืองอินเดียนแดงตั้งแต่ในช่วงปีค.ศ 1948 สำหรับข้อมูลการค้นพบป๊อปคอร์นนั้นไม่มีระบุไว้ในประวัติศาสตร์เพียงแต่ในช่วงปี 1948 นั้นเริ่มมีการค้นพบของสายพันธุ์ของข้าวโพดที่ถูกนำมาทำเป็นป๊อปคอร์นภายในมลรัฐนิวเม็กซิโก ถ้าย้อนเวลากลับไปแล้วฝักข้าวโพดนี้จะมีอายุยาวนานกว่า 5,600 ปี ช่วงปลายศตวรรษที่ 15 ผู้ค้นพบแผ่นดินอเมริกาอย่างคริสโตเฟอร์โคลัมบัสได้มีการนำข้าวโพดคั่วออกมาเผยแพร่ภายในยุโรปจนกลายมาเป็น Snack อร่อยที่ได้รับความนิยมจนถึงยุคนี้ ดังนั้นป๊อปคอร์นจึงถือว่าเป็นหนึ่งในการบ่งบอกถึงวัฒนธรรมของชาวอเมริกันได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่แค่เพียงการกินเพลินๆ ในโรงภาพยนตร์หรือการดูหนังอยู่บ้านเท่านั้น แต่ในชีวิตประจำวันก็รับประทานเป็นของว่างและขนมสำหรับเด็กในทุกหน้าเทศกาลอีกด้วย
การเกิดเมล็ดข้าวโพดป๊อปคอร์น
สำหรับการค้นพบในเรื่องการนำเมล็ดข้าวโพดมาทำป๊อปคอร์นนั้นเกิดขึ้นจากภายในเมล็ดของข้าวโพดจะมีความชื้นจึงทำให้แป้งด้านในข้าวโพดมีความนุ่มเพราะเป็นส่วนที่จะต้องสะสมสารอาหารเพื่อนำมาเลี้ยงดูเมล็ดให้เติบโตเป็นส่วนที่จะถูกห่อหุ้มด้วยเปลือกของข้าวโพดซึ่งเปลือกนี้จะมีความแข็งและออกสีเหลืองแต่เมื่อใดที่อยู่กลางแดดแล้วได้รับความร้อนสูง จึงทำให้ความชื้นที่อยู่ภายในของเมล็ดข้าวโพดขยายตัวขึ้นสูงสุด เกิดเป็นแรงดันจากความร้อนแล้วระเบิดออกมาเป็นป๊อปคอร์นการระเบิดนี้จะทะลุเปลือกแข็งของฝักออกมาแล้วดันเนื้อสีขาวให้ฟู แล้วกลายเป็นป๊อปคอร์นที่รับประทานได้อย่างอร่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ชาวอเมริกันชื่นชอบการรับประทานป๊อปคอร์นมากจนกลายมาเป็นวัฒนธรรมป๊อปคอร์นที่จะมีวันเฉลิมฉลองสำหรับการถือกำเนิดของป๊อปคอร์นทุกปี ปัจจุบันมีป๊อปคอร์นหลากหลายรสชาติให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นรสเนย, รสเค็มผสมเกลือ, รสคาราเมล, รสปาปริก้าและอีกหลากหลายรสชาติที่มีการผสมผสานกันเพื่อทำให้เกิดความอร่อยเวลารับประทาน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารสชาติดั้งเดิมของเนื้อป๊อปคอร์นนั้น แม้ว่าจะมีความจืดแต่ก็มีความมัน ทำให้รู้สึกเคี้ยวเพลินและกลายเป็นรสชาติที่ได้รับความนิยมสูงสุดและสามารถรับประทานได้โดยไร้อันตรายใดๆอีกด้วย
คุณค่าทางโภชนาการของป๊อปคอร์น
ป๊อปคอร์นสูตรธรรมชาติไม่มีส่วนผสมใดๆจะให้ค่าพลังงานเพียงแค่ 31 แคลอรี่โดยมีโปรตีนถึง 1 กรัมและมีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายถึง 60 กรัม พร้อมไปด้วยไฟเบอร์อีก 1 กรัม สำหรับปริมาณของไขมันถือว่าแทบไม่มีเลย สามารถกินกับผลไม้ที่ไม่อ้วน ดังนั้นจึงทำให้ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มของผู้บริโภคชาวอเมริกันที่มีการรับประทานมากขึ้นเรื่อยๆทุกปี
ทำป๊อปคอร์นเอง เลือกแบบไหนไม่ทำให้อ้วน
การรับประทานป๊อปคอร์นในยุคนี้มักจะมีการผสมผสานกับรสชาติอื่นๆเพื่อให้ได้ความหอมหวานและมันเป็นความอร่อยที่สามารถดึงดูดให้ผู้คนมาซื้อป๊อปคอร์นกันมากขึ้นแต่ในการใส่เครื่องปรุงบางอย่างลงไปอาจทำให้ผู้ที่รับประทานต้องเสียสุขภาพโดยเฉพาะกับผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานอย่างเพลิดเพลินตลอดทั้งวันถ้ามีส่วนผสมของโซเดียมหรือเกลือสูงและน้ำตาลที่มีปริมาณมากเกินไปการรับประทานแบบเพลิดเพลินก็อาจจะพาโรคร้ายมาด้วยดังนั้นถ้าคุณต้องการรับประทานป๊อปคอร์นอย่างสุขภาพดี เพียงแค่คุณเลือกรสชาติอย่างถูกต้องจะทำให้คุณสามารถรับประทานป๊อปคอร์นได้อย่างเพลิดเพลินและไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาสุขภาพแต่อย่างใด
โดยเฉพาะการเลือกทำป๊อปคอร์นด้วยตัวคุณเอง ถ้าคุณกำลังสงสัยว่าทำป๊อปคอร์นเอง เลือกแบบไหนไม่ทำให้อ้วน? คุณควรเลือกสูตรธรรมชาติหรือสูตรป๊อปคอร์นคลีนที่จะไม่มีการใส่ส่วนผสมใดๆทั้งสิ้นเป็นการนำเมล็ดข้าวโพดดิบมาผ่านความร้อนแล้วทำให้กลายเป็นป๊อปคอร์นที่มีความบริสุทธิ์และสามารถรับประทานได้ทันทีโดยไม่ต้องปรุงรสใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าไม่ชอบความจืดคุณสามารถผสมผสานกับน้ำมันมะกอกหรือเครื่องเทศที่ให้กลิ่นและรสชาติที่ดีไปพร้อมกับประโยชน์ที่มีต่อร่างกาย เพียงเท่านี้การทำป๊อปคอร์นทานเองที่บ้านของคุณจะให้ทั้งความอร่อยและเพลิดเพลิน สามารถสร้างประโยชน์ต่อร่างกายไปพร้อมกันอีกด้วย
ป๊อปคอร์นคลีน รสชาติดี กินแล้วไม่อ้วนมีจริงหรือ?
หนึ่งในของว่างทานเล่นแสนอร่อยที่ให้รสชาติดีเคี้ยวเพลินและในขณะเดียวกันยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพไม่ทำให้อ้วน และยังครบเครื่องในเรื่องของการทำให้รู้สึกอิ่มไปตลอดทั้งวัน คือการทำป๊อปคอร์นคลีนที่มีส่วนผสมเพิ่มความอร่อย ทำให้เกิดรสชาติที่มีความหลากหลายแต่ในขณะเดียวกันก็ยังช่วยทำให้สุขภาพของคุณดีขึ้นได้จริง โดยการทำป๊อปคอร์นคลีนนั้นจะมีทั้งรูปแบบทำสดไม่ใส่เครื่องปรุงใดๆ และรูปแบบผสมผสานเครื่องปรุงที่มาในสไตล์ธัญพืช
เริ่มต้นจากการเลือกเมล็ดข้าวโพดดิบแบบออแกนิคมาทำป๊อปคอร์นด้วยความร้อนในอุณหภูมิที่พอเหมาะแล้วรับประทานได้ทันที ก็จะถือว่าเป็นป๊อปคอร์นคลีนที่รับประทานเพลินได้ตลอดทั้งวันโดยแคลอรี่ไม่สูงเกินไปแต่ถ้าต้องการรสชาติคุณอาจจะเพิ่มเป็นน้ำผึ้ง, กะทิธัญพืช, เติมกลิ่นวนิลาและใส่ถั่วอีกเล็กน้อย เพื่อเป็นการเพิ่มรสชาติแบบออกหวานเค็มมันอย่างลงตัวโดยที่ไม่ใส่ส่วนผสมอันตรายใดๆ ดังนั้นการรับประทานป๊อปคอร์นในมื้อว่าง จึงจะให้ประโยชน์และไม่ทำลายสุขภาพเลยแม้แต่น้อย
วิธีทำป๊อปคอร์นด้วยตัวเองง่ายๆ อร่อยได้ของกินเล่นแบบเฮลตี้ !
สำหรับผู้ที่ต้องการทำป๊อปคอร์นด้วยตัวเอง เพราะสนใจนำป๊อปคอร์นมาเป็นอาหารว่างเสริมสุขภาพ ช่วยลดน้ำหนัก และช่วยสร้างประโยชน์ให้แก่ร่างกายคุณสามารถเลือกทำเป็นป๊อปคอร์นใส่คลีนที่มีวิธีการไม่ยุ่งยากเพียงแค่คุณเตรียมเมล็ดข้าวโพดดิบและวัตถุดิบเพียงแค่ไม่กี่อย่างโดยสามารถใช้หม้อทอดไร้น้ำมันได้แล้วทำตามสูตรดังต่อไปนี้ คุณก็จะได้ป๊อปคอร์นอร่อยรับประทานที่บ้านอย่างง่ายดายคือ
-
สูตรป๊อปคอร์นธรรมชาติ
สำหรับสูตรป๊อปคอร์นธรรมชาติสามารถทำได้ง่ายๆเพียงแค่คุณเลือกเมล็ดข้าวโพดดิบมาทำป๊อปคอร์นด้วยความร้อนอุณหภูมิที่พอเหมาะ โดยให้ใส่กับกระทะเทฟล่อนก้นลึกจากนั้นให้เปิดเพียงไฟเบาแล้วนำฝาปิดกระทะไว้ ถ้าเป็นกระทะจะใช้เวลาประมาณ 5-10 นาทีแต่ถ้าเป็นเตาอบในอุณหภูมิ 120 องศาเซลเซียสจะใช้เวลาประมาณ 15 นาทีจากนั้นนำป๊อปคอร์นมาโรยด้วยเกลือปรุงทิพย์เพียงแค่เล็กน้อยก็สามารถรับประทานได้ทันที
-
สูตรป๊อปคอร์น+น้ำผึ้ง
สูตรป๊อปคอร์นกับน้ำผึ้งจะมีลักษณะการทำคล้ายกับสูตรป๊อปคอร์นธรรมชาติคือ เลือกเมล็ดข้าวโพดดิบมาอบหรือใส่ภายในกระทะเทฟล่อนก้นลึกแล้วปิดฝา ใช้เวลาในการเข้าเตาอบประมาณ 15 นาที แต่ถ้าเป็นกระทะจะใช้เวลาประมาณ 10 นาทีเปิดด้วยไฟอ่อน จากนั้นนำป๊อปคอร์นที่ฟูขาวน่ารับประทานมาคลุกกับน้ำผึ้งจนทั่วแล้วนำเข้าอบต่อประมาณ 5 นาทีเพื่อให้น้ำผึ้งซึมเข้าเนื้อป๊อปคอร์น เพียงเท่านี้คุณจะได้ป๊อปคอร์นสูตรน้ำผึ้งรสชาติออกหวานมันอร่อยและสุขภาพดี
-
สูตรป๊อปคอร์น+น้ำมันธรรมชาติ
ถ้าต้องการเพิ่มความมันแต่ไม่หวานพร้อมให้คุณค่าทางสารอาหารเลือกเป็นสูตรป๊อปคอร์นผสมผสานกับน้ำมันจากธรรมชาติ คุณสามารถคลุกป๊อปคอร์นกับน้ำมันมะกอก, น้ำมันอัลมอนด์, น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันสกัดจากธรรมชาติอื่นๆที่สามารถรับประทานได้เพียงเท่านี้คุณจะได้ทั้งกลิ่นหอมรสชาติมันอร่อยและได้ประโยชน์อีกด้วย
-
สูตรป๊อปคอร์น+เครื่องเทศ
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกลิ่นแบบเครื่องเทศ คุณสามารถนำป๊อปคอร์นมาอบกับเครื่องเทศของอิตาลีที่จะให้ทั้งกลิ่นหอมและประโยชน์ต่อสุขภาพหรือนำมาคลุกกับเครื่องเทศของอินเดียที่จะให้กลิ่นหอมและความร้อนที่สามารถเผาผลาญพลังงานได้ดีเช่นกัน เลือกเป็นกลิ่นที่คุณชื่นชอบผสมผสานกับป๊อปคอร์นที่มีความมันอร่อยอยู่แล้วจะให้รสชาติที่ดีอย่างลงตัว
-
สูตรป๊อปคอร์นธัญพืช
สูตรนี้เป็นสูตรแบบง่ายๆที่รับประทานเพลินเช่นกันโดยให้คุณทำป๊อปคอร์นอบตามปกติเมื่อแตกออกมาจนเป็นป๊อปคอร์นที่น่ารับประทานแล้วให้คุณโรยเกลือลงไปเล็กน้อยพร้อมผสมกับธัญพืชอบอย่างข้าวบาร์เลย์, เมล็ดฟักทอง, ถั่ว, เมล็ดถั่วอัลมอนด์ หรืออาหาร Low carb เป็นต้นจากนั้นคุณก็สามารถรับประทานได้เพลินแบบสุขภาพดีไปตลอดทั้งวัน
สำหรับผู้ที่ต้องการทำป๊อปคอร์นทานเองที่บ้านเพื่อนำมาเป็นอาหารมื้อว่างแสนอร่อยที่ไม่เพิ่มปริมาณแคลอรี่และไขมันเสียภายในร่างกาย คุณสามารถเลือกได้จากทั้ง 5 สูตรนี้ นอกจากรับประทานอร่อยแล้วยังให้ประโยชน์ในเรื่องของความอิ่มที่นานขึ้นและไม่ทำให้เสียสุขภาพอีกด้วย