การนอน เป็นส่วนสำคัญของชีวิตที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ทำให้เราพร้อมรับมือกับกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่าการนอนหลับที่ไม่เพียงพอหรือมีปัญหา นอนไม่หลับ บ่อยครั้ง อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว โดยเฉพาะในคนที่มีระดับน้ำตาลในเลือดไม่สมดุล หรือมีความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน ความเชื่อมโยงระหว่างปัญหาการนอนหลับกับโรคเบาหวานเป็นสิ่งที่มีการศึกษากันอย่างกว้างขวาง พบว่าภาวะนอนไม่หลับอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดแปรปรวน และหากปล่อยไว้นาน อาจเพิ่มโอกาสในการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ ดังนั้น หากมีปัญหาการนอนที่เรื้อรัง ควรหันมาให้ความสำคัญ เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนที่ร่างกายส่งมาเพื่อบอกว่า ถึงเวลาที่ต้องดูแลสุขภาพอย่างจริงจังแล้ว
นอนไม่หลับ กับโรคเบาหวานมีความเชื่อมโยงอย่างไร
ทั้งสองสิ่งนี้มีความเชื่อมโยงกันในหลายด้าน โดยเฉพาะเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดไม่สมดุล การนอนไม่เพียงพออาจกระตุ้นให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ ภาวะบางอย่างที่มักเกิดร่วมกับโรคเบาหวานยังส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับโดยตรง
สาเหตุที่นอนไม่หลับอาจเกี่ยวข้องกับโรคเบาหวาน
- ความไม่สมดุลของระดับน้ำตาลในเลือด : ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไป (Hyperglycemia) หรือต่ำเกินไป (Hypoglycemia) อาจเป็นสาเหตุสำคัญของการนอนไม่หลับ โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน ระดับน้ำตาลที่สูงทำให้ร่างกายต้องทำงานหนักเพื่อขับน้ำตาลออกทางปัสสาวะ ส่งผลให้ต้องลุกขึ้นเข้าห้องน้ำบ่อยครั้ง ในขณะที่ระดับน้ำตาลต่ำอาจทำให้รู้สึกเวียนศีรษะ, ใจสั่น, และเหงื่อออกมากในช่วงกลางคืน จากการศึกษาพบว่า คนที่มีระดับน้ำตาลในเลือดไม่คงที่มีแนวโน้มที่จะมีปัญหาการนอนมากกว่า 65% เมื่อเทียบกับคนที่มีสุขภาพดี
- อาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน (Nocturia) : ปัสสาวะบ่อยในช่วงกลางคืน เป็นอีกหนึ่งอาการที่พบได้บ่อยในคนที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงหรือโรคเบาหวาน การที่ต้องตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำบ่อยครั้งส่งผลให้วงจรการนอนหลับถูกรบกวน ทำให้ร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ข้อมูลจากงานวิจัยในประเทศไทยระบุว่า มากกว่า 40% ของคนที่มีปัญหานี้รายงานว่าคุณภาพการนอนหลับของพวกเขาลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
- อาการขาอยู่ไม่สุข (Restless Leg Syndrome – RLS) : RLS เป็นอาการที่ทำให้รู้สึกเหมือนมีแมลงไต่อยู่ในขา จนต้องขยับหรือยืดขาอยู่ตลอดเวลา อาการนี้พบได้บ่อยในผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง หรือมีปัญหาเกี่ยวกับไต ซึ่งเป็นภาวะที่มักเกิดร่วมกับเบาหวาน พบว่ากว่า 20% ของผู้ที่มีเบาหวานชนิดที่ 2 มีอาการขาอยู่ไม่สุข ซึ่งส่งผลต่อการนอนหลับและทำให้หลับไม่สนิท
- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) : ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับมักประสบปัญหาการนอนหลับที่ไม่ต่อเนื่องและรู้สึกเหนื่อยล้าในช่วงกลางวัน ภาวะนี้พบได้สูงถึง 55-86% ในผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 และประมาณ 46-52% ในผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีน้ำหนักเกิน การใช้เครื่อง CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) ช่วยลดอาการหยุดหายใจและปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลกระทบของการ นอนไม่หลับ ต่อระดับน้ำตาลในเลือด
- การนอนน้อยส่งผลต่อฮอร์โมนอินซูลิน : เมื่อร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ มีผลกระทบโดยตรงต่อฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การนอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อคืนสามารถลดความไวของอินซูลินลงได้ถึง 25% ส่งผลให้ร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ยากขึ้น
- ความเสี่ยงต่อภาวะดื้อต่ออินซูลินและโรคเบาหวานชนิดที่ 2 : เมื่อร่างกายมีปัญหาในการตอบสนองต่ออินซูลิน จะทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 จากงานวิจัยพบว่าคนที่นอนหลับน้อยกว่า 5 ชั่วโมงต่อคืน มีโอกาสพัฒนาเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 สูงกว่าคนที่นอนหลับเพียงพอถึง 48%
อาการที่ควรสังเกตเมื่อมีปัญหาการนอนหลับ
1 นอนไม่หลับบ่อยครั้ง
อาการนอนไม่หลับ หรือ Insomnia เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคนไทย โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีภาวะเครียดหรือมีปัญหาเกี่ยวกับระดับน้ำตาลในเลือด เนื่องจากอาการนอนไม่หลับอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาระดับน้ำตาลในเลือดที่ไม่สมดุล ซึ่งพบได้บ่อยในผู้ป่วยเบาหวาน คนที่ประสบปัญหานี้มักมีอาการหลับยาก ตื่นกลางดึกบ่อยครั้ง หรือหลับไม่สนิท ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตระบุว่า ประมาณ 30% ของคนไทยมีปัญหานอนไม่หลับในช่วงหนึ่งของชีวิต ซึ่งอาการนอนไม่หลับอาจเชื่อมโยงกับระดับน้ำตาลในเลือดที่ไม่สมดุล โดยเฉพาะในผู้ที่มีเบาหวานชนิดที่ 2
2 ง่วงนอนมากผิดปกติในช่วงกลางวัน
อาการง่วงนอนมากในช่วงกลางวัน (Excessive Daytime Sleepiness) เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณอาจมีปัญหาการนอนหลับ หรือร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนเพียงพอ โดยประมาณ 20-25% ของผู้ใหญ่ที่มีปัญหาการนอนหลับ มีแนวโน้มจะง่วงนอนมากในช่วงกลางวัน อาการนี้อาจเกิดจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หรือระดับน้ำตาลในเลือดที่ไม่คงที่ ซึ่งส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูได้เต็มที่ในระหว่างการนอน
3 ปัสสาวะบ่อยและกระหายน้ำตอนกลางคืน
อาการปัสสาวะบ่อยในช่วงกลางคืน (Nocturia) และกระหายน้ำ เป็นสัญญาณที่พบบ่อยในผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง จากข้อมูลของสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย พบว่าประมาณ 40% ของคนที่มีเบาหวานมีอาการปัสสาวะบ่อยในตอนกลางคืน ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงทำให้ร่างกายพยายามขับน้ำตาลออกทางปัสสาวะ ส่งผลให้ตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำบ่อยครั้ง และทำให้การนอนหลับถูกรบกวน นอกจากนี้ อาการกระหายน้ำที่เกิดจากการสูญเสียน้ำในร่างกายยังทำให้ต้องตื่นขึ้นมาดื่มน้ำบ่อยครั้ง ส่งผลให้คุณภาพการนอนลดลงอย่างมาก
4 ปวดหรือชาตามปลายมือปลายเท้า
อาการปวดหรือชาตามปลายมือปลายเท้า (Peripheral Neuropathy) เป็นหนึ่งในอาการที่พบบ่อยในผู้ที่มีเบาหวาน โดยเฉพาะเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดไม่สามารถควบคุมได้ดี จากสถิติพบว่า 50% ของผู้ที่มีเบาหวานชนิดที่ 2 มีอาการปลายประสาทเสื่อม ซึ่งทำให้รู้สึกปวด, ชา, หรือแสบร้อนบริเวณมือและเท้า อาการนี้มักรุนแรงขึ้นในช่วงกลางคืน ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายตัวและนอนหลับได้ยาก
วิธีจัดการและป้องกันปัญหา นอนไม่หลับ ในผู้ป่วยเบาหวาน
การนอนหลับ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น สำหรับผู้ที่มีปัญหานอนไม่หลับและเป็นเบาหวาน การจัดการปัญหานี้ต้องทำอย่างรอบด้าน โดยรวมถึงการปรับพฤติกรรม การดูแลระดับน้ำตาลในเลือด และใช้เทคโนโลยีเข้าร่วม
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
- ตั้งเวลาเข้านอนและตื่นนอนให้สม่ำเสมอ : การตั้งเวลานอนและตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกวันเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับได้ โดยวงจรการนอนที่คงที่ช่วยให้ร่างกายปรับตัวและหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินได้ตรงเวลา ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตแนะนำว่า ควรนอนหลับอย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อคืน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดสูงและการเกิดโรคแทรกซ้อน
- หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนก่อนนอน : คาเฟอีนที่พบในกาแฟ, ชา, และเครื่องดื่มชู ล้วนกำลังมีผลต่อระบบประสาท ทำให้สมองตื่นตัวและยับยั้งการหลั่งเมลาโทนิน ซึ่งอาจทำให้นอนไม่หลับ ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มเหล่านี้อย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงก่อนเข้านอน งานวิจัยพบว่าการลดปริมาณคาเฟอีนช่วยเพิ่มระยะเวลาการหลับลึกได้ถึง 20%
ดูแลระดับน้ำตาลในเลือด
- ควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย : การรับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low GI) และสมดุล เช่น ผัก ผลไม้ไม่หวาน ข้าวกล้อง และโปรตีนจากพืชหรือสัตว์ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ นอกจากนี้ การออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ เช่น การเดินเร็วหรือปั่นจักรยาน ยังช่วยเพิ่มความไวของอินซูลินและลดความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นอนหลับดีขึ้น
- ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ : การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดก่อนนอนและหลังตื่นนอนสามารถช่วยติดตามแนวโน้มและป้องกันภาวะน้ำตาลต่ำหรือสูงเกินไป งานวิจัยจากสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยระบุว่าผู้ที่ตรวจน้ำตาลอย่างสม่ำเสมอมีแนวโน้มที่จะควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีกว่าถึง 40%
ใช้เทคโนโลยีช่วยนอนหลับ
- เครื่องวัดระดับน้ำตาลแบบต่อเนื่อง (CGM) : เครื่อง CGM ช่วยให้สามารถติดตามระดับน้ำตาลในเลือดได้ตลอด 24 ชั่วโมง เครื่องวัดน้ําตาลในเลือดชนิดนี้ใช้ได้โดยไม่ต้องเจาะเลือดบ่อยครั้ง อุปกรณ์นี้ยังสามารถแจ้งเตือนเมื่อระดับน้ำตาลมีแนวโน้มสูงหรือต่ำเกินไป ช่วยลดความเสี่ยงต่อการตื่นกลางดึกเพื่อจัดการภาวะฉุกเฉิน รายงานระบุว่า การใช้ CGM ช่วยลดภาวะน้ำตาลต่ำในเวลากลางคืนได้ถึง 30%
- เครื่อง CPAP สำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ : สำหรับผู้ที่มีปัญหาหยุดหายใจขณะหลับ การใช้เครื่อง CPAP เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูง เครื่องนี้ช่วยเพิ่มแรงดันอากาศเพื่อป้องกันทางเดินหายใจไม่ให้ปิดขณะหลับ งานวิจัยพบว่าผู้ใช้ CPAP นอนหลับได้ต่อเนื่องและรู้สึกสดชื่นในตอนเช้ามากกว่าผู้ที่ไม่ได้ใช้อุปกรณ์ถึง 50%
เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์
เชื่อหรือไม่ว่าปัญหาการนอนไม่หลับเป็นเรื่องที่หลายคนอาจมองข้าม แต่หากอาการเกิดขึ้นเรื้อรังหรือเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวม การปรึกษาแพทย์จะช่วยให้ได้รับการวินิจฉัยและแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที
สัญญาณที่บ่งบอกว่าควรพบแพทย์ทันที
- นอนไม่หลับติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน : หากคุณนอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิทต่อเนื่องนานเกิน 3 คืนต่อสัปดาห์ และเป็นระยะเวลานานกว่า 3 เดือน อาจเป็นสัญญาณของภาวะ Insomnia เรื้อรัง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์
- ง่วงนอนมากผิดปกติในช่วงกลางวันจนกระทบต่อชีวิตประจำวัน : ความง่วงที่รุนแรงอาจทำให้คุณมีปัญหาในการทำงานหรือขับรถ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ รายงานจากกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า อุบัติเหตุทางจราจรกว่า 20% เกิดจากการง่วงนอนขณะขับรถ
- มีอาการหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) : หากคุณตื่นกลางดึกพร้อมกับรู้สึกหายใจไม่อิ่มหรือมีคนใกล้ตัวสังเกตว่าคุณกรนเสียงดังและมีช่วงหยุดหายใจ อาจเป็นสัญญาณของ Sleep Apnea ซึ่งเป็นภาวะที่ต้องได้รับการรักษาทันที
- มีอาการปวดหรือชาตามปลายมือปลายเท้ารุนแรง : หากคุณมีอาการดังกล่าวร่วมกับการนอนไม่หลับ อาจเป็นสัญญาณของภาวะปลายประสาทเสื่อมที่เกี่ยวข้องกับเบาหวาน ควรพบแพทย์เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ การดีท็อกลําไส้สามารถมีบทบาทสำคัญในการบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ การล้างสารพิษช่วยลดอาการอักเสบและปรับสมดุลในร่างกาย ซึ่งอาจช่วยบรรเทาอาการชาหรือปวดปลายประสาทในผู้ป่วยเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตรวจวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุ
แพทย์จะใช้วิธีการวินิจฉัยที่หลากหลายเพื่อหาสาเหตุของปัญหาการนอนไม่หลับ และกำหนดแนวทางการรักษาที่เหมาะสม:
- สอบถามประวัติสุขภาพและการนอนหลับ : แพทย์จะเริ่มจากการสอบถามประวัติการนอนหลับของคุณ เช่น เวลาที่ใช้เข้านอน ระยะเวลาที่หลับ ความรู้สึกหลังตื่นนอน รวมถึงประวัติการใช้ยาหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
- ตรวจร่างกายและวัดระดับน้ำตาลในเลือด : ในผู้ที่มีเบาหวาน แพทย์จะตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อดูว่ามีความเชื่อมโยงกับอาการนอนไม่หลับหรือไม่ การควบคุมระดับน้ำตาลที่ไม่ดีอาจเป็นต้นเหตุของปัญหา
- ทำ Sleep Study หรือ Polysomnography : หากสงสัยว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ แพทย์อาจแนะนำให้ทำการตรวจ Sleep Study ซึ่งจะช่วยบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของสมอง การหายใจ และการเคลื่อนไหวของร่างกายในระหว่างที่หลับ
- ประเมินภาวะทางจิตเวช : ในบางกรณี การนอนไม่หลับอาจเกี่ยวข้องกับความเครียดหรือโรคซึมเศร้า แพทย์อาจแนะนำให้ปรึกษานักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์เพื่อช่วยประเมินสภาพจิตใจและให้คำแนะนำในการจัดการความเครียด
เราเชื่อว่าทุกคนล้วนตระหนักถึงการนอนหลับและต้องการมีสุขภาพดีทั้งนั้น แต่ด้วยการใช้ชีวิตในปัจจุบันที่ต้องประสบปัญหากับความเครียด หรือการกินที่ไม่เหมาะสมทำให้ควบคุมการนอนไม่เป็นดั่งใจ ส่งผลให้สุขภาพย่ำแย่ลง แต่อย่าลืมว่าสุขภาพที่แข็งแรงเริ่มจากการพักผ่อน ดังนั้นการนอนหลับจึงเป็นส่วนสำคัญของการดูแลสุขภาพโดยรวม โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีภาวะเบาหวาน การนอนหลับที่มีคุณภาพช่วยให้ร่างกายสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน และส่งเสริมการฟื้นฟูร่างกายอย่างเต็มที่ หากคุณสังเกตว่าตนเองมีปัญหาการนอน ไม่ว่าจะเป็นการหลับยาก ตื่นกลางดึก หรือตื่นมารู้สึกไม่สดชื่น การให้ความสำคัญกับการจัดการปัญหานี้ตั้งแต่เนิ่นๆ ถือเป็นก้าวแรกในการดูแลสุขภาพที่สำคัญ อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์หรือนักสุขภาพเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม การดูแลสุขภาพการนอนหลับไม่เพียงช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิต แต่ยังช่วยให้คุณสามารถควบคุมและห่างไกลโรคเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
1. การนอนไม่หลับเกี่ยวข้องกับโรคเบาหวานอย่างไร?
การนอนไม่หลับ มีความเกี่ยวข้องกับโรคเบาหวานในหลายด้าน ระดับน้ำตาลในเลือดที่ไม่สมดุลอาจทำให้เกิดอาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน อาการกระหายน้ำ หรือแม้แต่ภาวะน้ำตาลต่ำที่ทำให้ตื่นกลางดึก นอกจากนี้ การนอนหลับไม่เพียงพอยังส่งผลต่อฮอร์โมนอินซูลินและเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของโรคเบาหวานชนิดที่ 2
2. โรคเบาหวานทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้หรือไม่?
ใช่แล้ว โรคเบาหวาน โดยเฉพาะชนิดที่ 2 มีความสัมพันธ์กับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) เนื่องจากน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นและการสะสมของไขมันบริเวณทางเดินหายใจ อาจทำให้เกิดการอุดกั้นขณะหลับ ซึ่งส่งผลให้การนอนหลับไม่ต่อเนื่องและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือด
3. มีวิธีใดบ้างที่ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้นในผู้ป่วยเบาหวาน?
ในผู้ป่วยเบาหวานสามารถทำได้โดยการปรับพฤติกรรม เช่น การตั้งเวลาเข้านอนและตื่นนอนให้สม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงคาเฟอีนก่อนนอน และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและใช้เทคโนโลยีช่วย เช่น เครื่องวัดระดับน้ำตาลแบบต่อเนื่อง (CGM) และเครื่อง CPAP สำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ จะช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอน
4. การใช้ยานอนหลับปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยเบาหวานหรือไม่?
การใช้ยานอนหลับสามารถช่วยในบางกรณี แต่ควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากยานอนหลับบางชนิดอาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดหรือทำปฏิกิริยากับยารักษาเบาหวาน การปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้ยาเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
อ้างอิง
- Sleep and diabetes, Diabetes.org, August 23 , 2023, https://www.diabetes.org.uk/guide-to-diabetes/life-with-diabetes/sleep-and-diabetes.
- Type 2 Diabetes and Sleep, WebMD, June 15, 2024, https://www.webmd.com/diabetes/type-2-diabetes-sleep
- Jennifer Purdie, How Does Diabetes Affect Sleep?, Healthline, October 24, 2024, https://www.healthline.com/health/diabetes/diabetes-and-sleep.